กิจกรรมการเก็บข้อมูลแหล่งน้ำ
จุดประสงค์
เพื่อเก็บข้อมูลแหล่งน้ำภายในโรงเรียน
หรือบริเวณใกล้เคียง
สาระสำคัญ
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับทั้งมนุษย์
สัตว์ และพืช ดังนั้นคุณภาพของน้ำย่อมมีผลกระทบถึงสุขภาพด้วย น้ำบริสุทธิ์ใส
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น pH 7 หากมีสิ่งเจือปนให้น้ำไม่บริสุทธิ์ คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำก็จะเปลี่ยนไป
และมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตด้วย การเก็บข้อมูลแหล่งน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เวลาที่ใช้
3 คาบเรียน
ระดับชั้นเรียน
ประถมปลาย
มัธยมต้น
แนวความคิดหลักที่สำคัญ
อุณหภูมิของน้ำ
ความโปร่งใสของน้ำ
ความเป็นกรด
เบส ของน้ำ
สภาพนำไฟฟ้าของน้ำ
ทักษะ
การเก็บตัวอย่างท การใช้เทอร์มอมิเตอร์
การใช้หลอดวัดความโปร่งใสของน้ำท การใช้อุปกรณ์วัดค่า pH
การใช้อุปกรณ์วัดการนำไฟฟ้าของน้ำ
วัสดุและอุปกรณ์
กระป๋องพลาสติก มีเชือกผูกหูหิ้ว ยาวประมาณ 3 เมตร สำหรับใช้เก็บตัวอย่างน้ำ
เทอร์มอมิเตอร์สำหรับตรวจวัดอากาศท เทอร์มอมิเตอร์สำหรับตรวจวัดน้ำ
ผูกเชือกห้อย ยาวประมาณ 1 เมตร
หลอดวัดความขุ่นใส (Turbudity tube)ท อุปกรณ์วัดค่า pH
การใช้อุปกรณ์วัดการนำไฟฟ้าของน้ำท ใบงานกิจกรรมการเก็บข้อมูลแหล่งน้ำ
ความรู้เบื้องต้น
อุณหภูมิของน้ำ แสดงถึง ปริมาณพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่น้ำดูดกลืนไว้ อุณหภูมิของน้ำมีอิทธิพลต่อปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ
(Dissolved Oxygen) ถ้าน้ำมีอุณหภูมิสูง ออกซิเจนจะละลายน้ำได้น้อย
ส่งผลกระทบให้ต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำ นอกจากนั้นค่าความนำไฟฟ้าของน้ำ
(Conductivity) ยังเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิอีกด้วย
ความโปร่งใสของน้ำ แสงเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของพืชสีเขียว
ซึ่งจะพบมากบริเวณแหล่งน้ำที่มีความใส มากกว่าแหล่งน้ำขุ่นที่เต็มไปด้วยอนุภาคแขวนลอย
ความใสของน้ำเป็นตัวบ่งชี้ว่า แสงจะส่องได้ลึกเพียงใด
ความเป็นกรด เบสของน้ำ มีอิทธิพลต่อกระบวนการเคมีต่างๆ
น้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งเจือปน (และไม่สัมผัสกับอากาศ) จะมีค่าความเป็นกรด
เบส (pH) เท่ากับ 7 โดยถือว่า มีคุณสมบัติเป็นกลาง กล่าวคือไม่มีคุณสมบัติเป็นกรดหรือเบส
ส่วนน้ำที่มีสิ่งเจือปนแต่ยังมีค่าความเป็นกรด เบส (pH) เท่ากับ
7 นั่นแสดงว่า ค่าความเป็นกรดเท่ากับค่าความเป็นเบสนั่นเอง ถ้าน้ำมี
pH ต่ำกว่า 5 สัตว์น้ำจะอาศัยอยู่ไม่ได้
การนำไฟฟ้าของน้ำ น้ำบริสุทธิ์จะไม่สามารถนำไฟฟ้าได้ ประจุ
(charge) ของสิ่งเจือปนในน้ำ เช่นเกลือที่ละลายในน้ำจะทำให้น้ำสามารถนำไฟฟ้าได้
ดังนั้นการนำไฟฟ้าของน้ำจึงเป็นตัวระบุถึงระดับของสิ่งเจือปนที่มีอยู่ในน้ำ
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ทำการตรวจวัดอุณหภูมิของอากาศ
และจดบันทึกข้อมูลที่อ่านได้ลงในใบงาน
2. ทำการตรวจวัดอุณหภูมิน้ำโดยหย่อนเทอร์มอมิเตอร์ลงในน้ำให้ลึก
10 เซนติเมตร แล้วทิ้งไว้ประมาณ 3 5 นาที ยกเทอร์มอมิเตอร์อย่างรวดเร็ว
(เพราะอุณหภูมิจะทำให้ค่าที่วัดได้เปลี่ยนแปลง) จดบันทึกข้อมูลที่อ่านได้ลงในใบงาน
3. ทำการตรวจวัดความโปร่งของน้ำ
โดยค่อยๆ ใช้ถังตักน้ำขึ้นจากแหล่งโดยระวังมิให้น้ำขุ่น รินน้ำที่ตักไว้ใส่หลอดวัดความโปร่งใสจนเต็ม
แล้วค่อยๆ ปล่อยน้ำออกอย่างช้าๆ และคอยตรวจดูความแตกต่างระหว่างพื้นสีขาวและสีดำใต้ก้นหลอด
ให้ปิดน้ำที่ไหลออกทันทีที่สังเกตเห็นความแตกต่างนี้ได้ จดบันทึกข้อมูลที่อ่านได้ลงในใบงาน
(*** ระหว่างที่ทำการตรวจวัด อย่ายืนบังแสงแดด เพราะจะทำให้สังเกตุความแตกต่างของสีพื้นได้ยาก)
4. ทำการตรวจวัดความเป็นกรด
เบส ของน้ำ โดยใช้ตัวอย่างน้ำในถัง อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจวัดได้แก่
กระดาษลิสมัต กระดาษยูนิเวอร์แซล อินดิเคเตอร์ หากใช้ปากกาวัดพีเอช
หรือพีเอชมิเตอร์ ต้องทำการปรับค่ามาตรฐาน (Calibration) ด้วยสารละลายบัฟเฟอร์
และล้างด้วยน้ำกลั่นแล้วเช็ดให้แห้งก่อน ทำการอ่านค่าที่ได้เมื่อตัวเลขบนเครื่องวัดหยุดนิ่ง
จดบันทึกข้อมูลที่อ่านได้ลงในใบงาน
5. ทำการตรวจวัดการนำไฟฟ้าด้วยอุปกรณ์วัดการนำไฟฟ้า
ทำการอ่านค่าที่ได้เมื่อเข็มหรือตัวเลขบนเครื่องวัดหยุดนิ่ง จดบันทึกข้อมูลที่อ่านได้ลงในใบงาน
6. ในแต่ละสถานี
ให้ทำการตรวจวัดอย่างละ 3 ครั้ง แล้วคำนวณหาค่าเฉลี่ย
7. รวบรวมข้อมูลเฉลี่ยของแต่ละแหล่งน้ำ
กรอกลงในตารางเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งน้ำต่างๆ
8. นักเรียนอภิปรายสรุปผลคุณภาพน้ำจากแหล่งต่างๆ
ข้อเสนอแนะ:
ควรทำการเก็บข้อมูลจากแหล่งน้ำหลายๆ แห่ง เพื่อจะได้ศึกษาเปรียบเทียบ
และถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแหล่งเก็บตัวอย่างที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น
ต้นน้ำ ปลายน้ำ เพื่อที่จะเห็นถึง ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ
เช่น ต้นน้ำ และปลายน้ำ
ในการเปรียบเทียบอุณหภูมิของน้ำ ต่างแหล่ง ต่างสถานที่
จะต้องทำในเวลาที่ใกล้เคียงกัน
© 2003 - 2010 The LESA Project
All rights reserved.
|